กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผย ยอดผลผลิตอ้อย ปี 64/65 โดยรวมอยู่ที่ 92.07 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 25.41 ล้านตัน (+38.12%) ยอดผลผลิตอ้อย ปี 64/65 – (18 พ.ค. 2565) กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ทำการเปิดเผยผลผลิตอ้อยเข้าหีบประจำฤดูการผลิตประจำปี 2564/2565 โดยผลผลิตอ้อยรวมอยู่ที่ 92.07 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 25.41 ล้านตัน คิดเป็น +38.12% เหตุปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นและราคาน้ำตาลโลกสูงขึ้น
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
เปิดเผยว่า ผลผลิตอ้อยเข้าหีบประจำฤดูการผลิตปี 2564/65 ของโรงงานน้ำตาลทั้ง 57 โรง ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2564 จนถึงวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 รวมระยะเวลาหีบอ้อย 152 วัน มีปริมาณอ้อยเข้าหีบทั่วประเทศที่ 92.07 ล้านตัน แยกเป็น
– อ้อยสด จำนวน 66.95 ล้านตัน คิดเป็น 72.72%
– อ้อยไฟไหม้ จำนวน 25.12 ล้านตัน คิดเป็น 27.28%
yield น้ำตาลต่อตันอ้อย โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 110.08 กิโลกรัมต่อตันอ้อย และมีค่าความหวานอ้อยเฉลี่ยอยู่ที่ 12.71 CCS ปริมาณผลผลิตอ้อยรวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 25.41 ล้านตัน คิดเป็น 38.12% สาเหตุมาจากปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นและราคาน้ำตาลโลกสูงขึ้น
ส่วนแนวทางการช่วยเหลือต้นทุนการตัดอ้อยสด อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอ ครม. พิจารณาต่อไป โดยการช่วยเหลือต้นทุนการตัดอ้อยสดนั้น นอกจากจะเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 แล้ว ยังทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยหันมาตัดอ้อยสดส่งโรงงานมากขึ้น มีรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) กล่าวว่า จากปัญหาอ้อยสดสกปรกที่เกิดจากการเก็บเกี่ยวโดยไม่มีการตัดยอด และไม่มีการสางใบอ้อย กลายเป็นอ้อยมีสิ่งปนเปื้อน และอ้อยยอดยาว ที่เป็นสาเหตุทำให้ yield น้ำตาลต่อตันอ้อยลดลงนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจะวางแนวทางในการแก้ปัญหาต่อไป
นายเอกภัทร วังสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปริมาณตัวเลขอ้อยไฟไหม้ในฤดูการผลิตปี 2564/65 ยังไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ คือ ปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบไม่เกิน 10% ของปริมาณอ้อยทั้งหมด สาเหตุมาจากฝนตกอย่างต่อเนื่องทำให้อ้อยล้มเป็นจำนวนมาก เป็นอุปสรรคในการตัดอ้อยสด
ทาง สอน. ได้วางแนวทางบริหารจัดการการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น อาทิเช่น จัดหาเครื่องสางใบอ้อยมาให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยยืมเพื่อสางใบอ้อย ส่งเสริมการรับซื้อใบอ้อยเพื่อเพิ่มรายได้ และลดการเผาใบอ้อย การขอรับการสนับสนุนเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อลดต้นทุนการตัดอ้อยสด การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร รวมทั้งการลงนามในบันทึกความร่วมมือการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้
ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดนโยบายชัดเจนที่จะไม่ส่งเสริมอ้อยไฟไหม้ในการลดฝุ่น PM 2.5 ประกอบกับโรงงานน้ำตาลทรายเองได้เข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดมากขึ้น คาดว่าฤดูการผลิตปีหน้าปริมาณอ้อยสดจะมีทิศทางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลทำให้ผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยสูงขึ้น
ทั้งนี้ สอน.ได้คาดการณ์แนวโน้มฤดูการผลิตปี 2565/66 จะมีปริมาณอ้อยเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 ล้านตัน สาเหตุจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นและราคาน้ำตาลในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง
บขส. มอบ ส่วนลดขนส่งสินค้าเกษตร 10% ตั้งแต่ 17 พ.ค. – 30 ก.ย. 65
บขส. พร้อมดูแลลูกค้ากลุ่มเกษตรกร มอบ ส่วนลดขนส่งสินค้าเกษตร ที่จะเข้ากรุงเทพฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม – 30 กันยายน 2565
บขส., ส่วนลดขนส่งสินค้าเกษตร – (18 พ.ค. 2565) นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า บขส. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของกลุ่มเกษตรกรที่ต้องการกระจายผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาด ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ย่อมส่งผลกระทบให้ต้นทุนในการขนส่งเพิ่มขึ้นด้วย
ดังนั้นเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมช่องทางการขนส่งสินค้าให้กับกลุ่มเกษตรกรได้มีทางเลือกในการขนส่งที่หลากหลาย บขส. จึงได้จัดโครงการ “ของดีชุมชนขนส่งกับ บขส. ประจำปี 2565” ขึ้น โดยมอบส่วนลด 10% ให้กับลูกค้าเกษตรกรที่แสดงบัตรประจำตัวเกษตรกร หรือสมุดทะเบียนเกษตรกรต่อพนักงานรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ และต้องการจะส่งสินค้าทางการเกษตรในเที่ยวขาขึ้นมายังกรุงเทพฯ
โดยมีจุดหมายปลายทางที่ศูนย์รับ-ส่ง พัสดุภัณฑ์หมอชิต รังสิต สายใต้ และเอกมัย หรือสถานีเดินรถระหว่างทาง หรือจุดจอดตัวแทนทุกแห่ง โดยสิทธิ์ส่วนลดนี้ใช้ได้ทุกวัน จำกัด 1 สิทธิ์ต่อ 1 วันเท่านั้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม – 30 กันยายน 2565 เป็นต้นไป เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บขส. กำหนด
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่งานการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ กองสื่อสารองค์กร และการตลาด โทร. 0 2537 8737 (ในวันและเวลาราชการ) หรือติดต่อศูนย์รับ-ส่ง พัสดุภัณฑ์ (จตุจักร) โทร. 0 2537 8480 ศูนย์รับ-ส่ง พัสดุภัณฑ์ รังสิต โทร. 0 2901 2673 ศูนย์รับ-ส่ง พัสดุภัณฑ์ สายใต้ (บรมราชชนนี) โทร. 0 2422 4413 และ Call Center โทร. 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป